ราคามวยคืออะไร? ทำไมต้องรู้ก่อนแทง

ราคามวย ก็คือ อัตราต่อรอง ที่ใช้เป็นตัวกำหนดว่า ถ้าเราแทงฝั่งไหนแล้วจะได้เงินเท่าไหร่ หรือจะเสียเท่าไหร่ คล้ายกับราคาบอล แต่ของมวยจะมีความเฉพาะตัวมากกว่า เพราะมันเปลี่ยนเร็ว และอิงตามฟอร์มบนเวทีเป็นหลัก ไม่ได้ตายตัวตั้งแต่ก่อนแข่งเหมือนกีฬาอื่น ราคามวยจะเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ก่อนชก ซึ่งตรงนี้นักวิเคราะห์หรือเจ้ามือจะเปิดราคามาก่อน เช่น ฝ่ายแดงต่อ 3-2 ฝ่ายน้ำเงินรอง ซึ่งหมายความว่า ถ้าแทงแดง ต้องแทง 3 ได้ 2 แต่ถ้าแทงน้ำเงิน แทง 2 ได้ 3 พูดง่ายๆ คือ ฝ่ายแดงเก่งกว่า ก็เลยต้องใช้เงินมากกว่าถึงจะได้กำไรน้อยหน่อย ในขณะที่ฝ่ายรองมีโอกาสชนะน้อยกว่า เลยจ่ายให้มากกว่าหากชนะจริง
สิ่งที่ทำให้ราคามวยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันบอกว่าใครกำลังได้เปรียบ หรือเสียเปรียบในสายตาเจ้ามือ ซึ่งถ้าเราดูราคาเป็น ก็จะมองเกมได้ขาดว่า จังหวะไหนควรเข้าแทง และฝั่งไหนน่าจะคุ้มกว่าในระยะยาว ราคามวยยังบอกอะไรหลายอย่างนอกจากเรื่องแพ้ชนะ เช่น มีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนพิกัด หรือแม้กระทั่งฟอร์มล่าสุดที่ไม่ดี ก็สามารถทำให้ราคาขยับได้หมด ดังนั้น คนที่จะแทงมวยให้ได้กำไรจริงๆ ต้องอ่านเกมผ่านราคาด้วย เพราะบางทีมวยรองก็มีของซ่อน
เหตุผลที่ราคามวยเปลี่ยนบ่อย มีอะไรบ้าง?
ราคามวยที่เห็นเปลี่ยนบ่อยๆ มันเกิดจากหลายปัจจัยทั้งก่อนแข่งและระหว่างแข่ง ยิ่งเป็นมวยสด ราคาจะเปลี่ยนกันวินาทีต่อวินาทีเลย เรียกได้ว่าใครกดแทงไม่ทัน ก็อาจพลาดของดี หนึ่งในเหตุผลหลักที่ราคาขยับคือ “ข้อมูลใหม่ๆ ที่หลุดออกมา” เช่น นักมวยน้ำเงินเคยแพ้น็อกเมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่วันนั้นเจ้ามือไม่ได้คิดไว้ พอมีคนไปขุดประวัติแล้วเอามาวิเคราะห์กัน ราคาก็จะขยับไปทางฝ่ายแดงทันที เพราะมองว่าน้ำเงินอาจไม่ไหวหากโดนโจมตีซ้ำแบบเดิม
อีกอย่างคือ “แรงเชียร์จากคนดูหรือเซียนดัง” ถ้าเกิดว่าเซียนมวยออกมาพูดว่า มวยคู่นี้ฝั่งน้ำเงินมีของ ราคาก็จะขยับรับกระแสเลยทันที เพราะคนแห่กันไปแทงตาม เซียนพูดเมื่อไหร่ ราคาก็ไหลตามเมื่อนั้น พอถึงเวลาขึ้นเวทีจริงๆ ราคาก็ยังเปลี่ยนได้อีก เช่น ถ้านักมวยดูหมดแรงเร็ว หรือแค่เปิดเกมมาก็โดนหนัก ราคาฝั่งนั้นจะไหลลงทันที เพราะนักดูราคาเขามองว่า ไม่น่ารอดแน่ ซึ่งนี่แหละคือความมันส์ของมวยสด ใครไว ใครอ่านเกมขาด ก็มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เลย
แทงมวยตอนไหนถึงจะได้ราคาคุ้มที่สุด?
การ แทงมวย ให้คุ้มที่สุดต้อง “แทงตอนที่ราคายังไม่สะท้อนความจริงบนเวที” ยกตัวอย่างเช่น ก่อนเริ่มชก ฝั่งต่อเปิดมาสวยงาม แต่พอเริ่มแข่งจริง ดันช้ากว่าที่คิด โดนแทงหนักตั้งแต่ยกแรก ราคาก็เริ่มไหลลงเรื่อยๆ ถ้ารอแทงตอนราคาลงมาเรื่อยๆ แล้วฝ่ายต่อนั้นกลับมายืนได้ หรือสวนกลับหนักๆ ได้ในยกท้ายจะได้ราคาที่โคตรคุ้มแบบที่ไม่สามารถหาได้ก่อนแข่งแน่นอน
หรืออีกจังหวะที่น่าเข้าแทงคือ “ช่วงราคาผันผวน” อย่างตอนยก 2 หรือยก 3 ที่รูปเกมเริ่มนิ่ง คนเริ่มเห็นแล้วว่าใครเหนือกว่า ใครออกอาวุธได้แม่นกว่า ราคาก็จะค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ ช่วงนี้แหละเป็นเวลาทอง เพราะถ้าจับจังหวะถูก เข้าแทงฝั่งที่ยังไม่โดนไหลเยอะ ก็มีโอกาสกินเต็มๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงมาก ถ้าจังหวะผิด ราคาสวนไวเหมือนรถแข่งเหมือนกัน บางที กำลังคิดจะรองอยู่ดีๆ ฝ่ายนั้นดันโดนน็อกซะก่อน แบบนี้หมดสิทธิ์พลิกเลย เพราะฉะนั้น การดูจังหวะต้องไม่ใช่แค่รออย่างเดียวแต่ต้องพร้อมยิง
เทคนิคการดูราคามวยแบบมือโปร
การดูราคามวยให้ขาดต้องมองลึกไปถึง จังหวะของราคากับท่าทีของนักมวยบนเวที เพราะมือโปรไม่ได้แทงแค่จากราคาแต่ อ่านเกม อ่านอารมณ์ อ่านจังหวะการชกมาผสมกันหมด เทคนิคแรกเลยคือ “ดูราคาช่วงเปิด กับตอนใกล้ชก” ว่ามีการขยับไปทางไหน ถ้าฝั่งหนึ่งราคาต่อขึ้นเรื่อยๆ แปลว่ามีแรงแทงเข้าไปหนัก ฝั่งนั้นอาจจะเป็นตัวเต็งจริง หรืออาจมีข่าวดีจากวงใน เช่น ลดน้ำหนักผ่าน สภาพร่างกายดี ควรตามน้ำ แต่ถ้าอยู่ๆ ราคาไหลแรงเกินเหตุ ต้องระวังว่าอาจเป็น “ราคาไหลหลอก” ที่เจ้ามือตั้งเพื่อหลอกให้คนแทงตามแล้วเสีย
เทคนิคต่อมาคือ “แทงสดยกสอง” เพราะยกแรกนักมวยจะดูเชิงกันอยู่ ยังไม่ปล่อยของเต็มที่ ยกสองจะเริ่มเห็นแล้วว่าใครล้า ใครฟิต ใครมีลูกเด็ด แทงตอนนั้นจะได้เปรียบสุด เพราะเห็นแล้วว่าใครน่าจะคุมเกมในยกต่อๆไป อีกเทคนิคที่เซียนใช้คือ “รอราคาสวน” เช่น มวยต่อราคาไหลขึ้นจนน่าแทงรอง เซียนบางคนจะรอจังหวะให้คนแทงฝั่งต่อเยอะๆ แล้วสวนรองกลับไป เพราะถ้ามวยต่อแผ่วตอนท้าย หรือมวยรองมีฮึด สวนราคานั้นจะทำกำไรได้มากกว่าราคาปกติ
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น มาดูตารางเปรียบเทียบเทคนิคของเซียนดูราคามวย
เทคนิคเซียนมวย | รายละเอียด | เหมาะใช้เมื่อ | ข้อควรระวัง |
ดูราคาช่วงเปิด | เปรียบเทียบราคาตอนเปิดกับก่อนแข่ง | ก่อนเริ่มชก 1-2 ชั่วโมง | ราคาหลอกมีบ่อย ต้องเทียบหลายแหล่ง |
แทงสดยกสอง | ดูเชิงยกแรก แล้วแทงตามสภาพจริง | ช่วงยกสอง | อาจโดนราคาขยับเร็ว ต้องไว |
รอราคาสวน | รอให้ราคาขึ้นสุด แล้วแทงสวน | เมื่อฝั่งต่อแรงจัดจนราคาสูงเกินจริง | ต้องวิเคราะห์แรงไหลให้ดี ไม่ใช่ไหลจริง |
สังเกตสีหน้านักมวย | ดูอารมณ์ ความฟิตตอนขึ้นเวที | ก่อนชก และยกแรก | อาศัยประสบการณ์ ต้องดูบ่อยๆ |
ไม่หลงราคาสวย | ราคาน้ำสูงเกินจริงอาจเป็นกับดัก | เจอราคา “จ่ายเกิน” ผิดปกติ | ถามตัวเองว่ามีอะไรแปลกหรือไม่ |